|
บทคัดย่อ/Abstract |
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทการเรียนการสอนด้านความเข้าใจในการดะอฺวะฮฺอิสลาม จากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดยะลา โดยมีการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องทางด้านศาสนาอิสลาม และด้านอื่นๆ ส่วนในการวิจัยเชิงสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 338 คน ด้วยกันคือ ครูใหญ่และรองครูใหญ๋ 16 คน อุสตาซ 20 คน ส่วนที่เหลือ นอกจากนี้จะเป็นนักเรียน การเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์คน และการสังเกตการณ์ในเรื่องการเรียนการสอน และการดะอฺวะฮฺ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ : 1) การเรียนการสอนของวิชาฟิกฮฺ และหลักการของศาสนาแต่ดั้งเดิม ในที่นี้คือความรู้ของกลุ่มตัวอย่างที่มีอยู่นั้น จะเห็นได้ว่าบางส่วนนั้นจะปฎิบัติตามหลักการของอีหม่ามชาฟีอีย์ แต่ก็ยังมีผู้รู้ โต๊ะอีหม่าม และอุสตาซ จะเปิดรับหลักการของอีหม่ามอื่นๆ ด้วย แต่อย่ารับข้ามจากหลักการของอะฮฺลีซุนนะฮฺลีซุนนะฮฺวัลยามาอะฮฺ เพราะอยากให้เปิดใจให้กว้าง อย่ามองแคบในเรื่องศาสนา และให้ห่างไกลจากความขัดแย้งในเรืองนี้ เพราะกลัวว่าจะเป็นปัญหากับบางกลุ่มยังไม่สามารถยอมรับได้ 2)การเรียนการสอนอิสลามจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญในทุกระดับชั้นถือเป็นความรับผิดชอบอันหญิงใหญ่ที่สำคัญคือ การสร้างความเข้าใจด้านการดะอฺวะฮฺอิสลามให้กับประชาชาติทั้งที่เป็นการชี้นำ และนำพาพวกเขาสู่เป้าหมายโดยหลีกห่างจากสิ่งที่ไม่ดี และสิ่งที่คลุมเครือต่างๆ 3)กลุ่มตัวอย่างมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการดะอฺวะฮฺ ในความหมายที่ครอบคลุม คือ การดะอฺวะฮฺ จนกว่าพวกเขาจะได้การดำเนินชีวิตที่แท้จริงตามหลักการอิสลาม 4) โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามให้ความสำคัญกับการแต่งกายของนักศึกษาซึ่งถือเป็นการบ่งบอกถึงการยึดมั่นต่อหลักศาสนาอย่างเคร่งครัดทั้งยังถือเป็นการสร้างคนให้มีคุณธรรม และจริยธรรม 5) โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจำเป็นที่จะ ต้องมีเอกสารประกอบการเรียนการสอนที่ถูกต้อง เพื่อวัตถุประสงค์ของการดะอฺวะฮฺ 6) โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจะต้องสร้างความเข้าใจด้านการดะอฺวะฮฺที่ถูกต้องและจำเป็นที่จะต้องให้แก่นักเรียน 7) การดะอฺวะฮฺอิสลามที่ถูกต้อง คือ การมีจุดยืนที่ถูกต้องในด้านวิธีคิดและวิธีดำเนินการ หรือภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติออกห่างจากสิ่งที่เลวทราม เพราะเป็นการเรียกร้องเชิญชวนสู่ความดีต่อการให้เอกภาพในการภักดีต่ออัลลอฮฺ เพื่อจะได้รับความโปรดปรานทั้งโลกนี้และโลกหน้า
This study aims at studying the various roles of the lslamic learning,especially its role in Da'wah (lslamic Call), and the status of the Religious schools in the province of Yala, in the Southern Region of Thailand. The samples of the study were about 338 subjects collected randomly, 18 subjects were school directors and vice directors,20 subjects were teachers, and the others were scholars and thinkers. It is a joint documentative and field research in which the different opinions and sayings of the schlars, thinkers and school directors have been collected in view of examining the aspirations of the schools, and findind out some convenient solutions for the enhancement of the students' learning and intellectual level.The main findings of this research are as follows: 1)the jurisprudence learning in the area depends on the Shafi'ite school, but some scholars in the Area are attemping to encourage the public to accept the opinions of other schools which are in the line of the Sunnah and parties in order to be open minded and avoid fanaticism. 2)that the lslamic learning has passed through few steps each of which has its own significance. it assumed many responsibilities and faced many challenges; but the education has survived and persisted. 3)that the good understanding of Islamic call is requested for non-Muslims as well as for Muslims themselves in order to shed light on the lslamic noble values. 4)IsIamic schools are considered as the basis to revive the religious consciousness among students. Islamic schools also build students'personality. 5)curriculum is the corner-stone of the educational system. therefore,educators and experts should pay attention to this element in order to enhance the educational system in our society. 6)there are strong are strong correlations between the Islamic educational system and the Da'wah. This is the reason why the Islamic schools stress on this point. 7)The authentic Islamic Da'weh has a right method far from extremism and terrorism, because it is a call to the oneness of Allah (Tauhid)in order to bring mankind to live in harmony in this world and the Hereafter. It is not, at all, acall for discord among the humankind. |