ชื่อเรื่อง/Title การทำหน้าที่ต่างกันด้วยวิธีถดถอยโลจิสติกและวิธีแมนเทล-แฮนส์เซล สำหรับข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานี เขต 2 / Differential item functioning using logistic regression and Mantel-Haenzel for mattayomsuksa 2 achievement tests of pattani educational area 2
     บทคัดย่อ/Abstract การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1)เพื่อตรวจสอบการทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับเขตพื้นที่การศึกษา ด้วยวิธีถดถอยโลจิสติกและวิธีแมนเทล-แฮนส์เซล เมื่อจำแนกตามกลุ่มเพศและภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน2)เพื่อเปรียบเทียบจำนวนข้อสอบที่ทำหน้าที่ต่างกันระหว่างวิธีถดถอยโลจิสติกและวิธีแมนเทล-แฮนส์เซล เมื่อจำแนกตามกลุ่มเพศและภาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน3)เพื่อวิเคราะค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์รหว่างดัชนีการทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบด้วยวิธีการถดถอยโลจิสติกและวิธีแมนเทล-แฮนส์เซล เมื่อจำแนกตามกลุ่มเพศและภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมธยมศึกษาปีที่ 2ปีการศึกา2550 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานี เขต 2ได้มีโดยการสุ่มแบบแบ่งช้นภูมิ(Stratified Random Sampling)จำนวน1,846คน วิเคราะห์ค่าสถิติพื้นฐาน หาค่าดัชนี การทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบด้วยวิธีถดถอยโลจิสติกและวิธีแมนเทล-แฮนส์เซล หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของดัชนีการทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบและทดสอบไคสแควร์
ผลการวิจัย พบว่า
1.การวิเคราะห์การทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบแต่ละวิชา จากการวิเคราะห์ด้วย วิธีถดถอยโลจิสติก และวิธีแมนเทล-แฮนส์เซลได้ข้อสรุปดังนี้
1.1 การทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบคณิตศาสตร์ จำนวน39ข้อ ตามตัวแปรเพศ ด้วยวิธีถดถอยโลจิสติก พบข้อสอบทำหน้าที่ต่างกันจำนวน จำนวน 17 ข้อ คิเป็นร้อยละ43.59และวิธีแมนเทล-แฮนส์เซล พบข้อสอบที่ทำหน้าที่ต่างกัน จำนวน 18 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 46.15 ตามตัวแปรภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยวิธีถดถอยโลจิสติก พบข้อสอบที่ทำหน้าที่ต่างกัน จำนวน 14ข้อ คิดเป็นร้อยละ35.90 และวิธีแมนเทล-แฮนส์เซล พบข้อสอบที่ทำหน้าที่ต่างกัน จำนวน11ข้อ คิดเป็นร้อยละ33.33
1.2การทำหน้าที่ต่างกันขอข้อสอบคณิตศาสตร์ จำนวน 39 ข้อตามตัวแปรเพศ ด้วยวิธีถดถอยโลจิสติก พบข้อสอบทำหน้าที่ต่างกันจำนวน 20 ข้อ คิดเป็นร้อยละ51.28วิธีแมนเทล-แฮนส์เซลพบข้อสอบทีทำหน้าที่ต่างกัน จำนวน18ข้อ คิดเป็นร้อยละ46.15 ตามตัวแปรภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันด้วยวิธีถดถอยโลจิสติก พบข้อสอบทีทำหน้าที่ต่างกันจำนวน3ข้อ คิดเป็นร้อยละ7.69และวิธีแมนเทล-แฮนส์เซล พบข้อสอบที่ทำหน้าที่ต่างกัน จำนวน 14ข้อ คิดเป็นร้อยละ35.90
2.วิธีถดถอยโลจิสติกและวิธีแมนเทล-แฮนส์เซล จำแนกตามตัวแปรเพศและภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้จำนวนข้อสอบที่ทำหน้าที่ต่างกัน แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ0.01โดยวิธีแมนเทล-แฮนส์เวล พบจำนวนข้อสอบที่ทำหน้าที่ต่างกันมากกว่าวิธีถดถอยโลจิสติก
3.การทำหน้าที่ต่างกันด้วยวิธีถดถอยโลจิติกและวิธีแมนเทล-แฮนส์เวล จำแนกตามตัวแปรเพศและภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน พบว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ0.05
4.ลักษณะขอข้อสอบที่ทำหน้าที่ต่างกัน ตามกลุ่มเพศและภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันวิชาคณิตศาสตร์ คือข้อสอบที่มีทักษะการคิดคำนวณสูง โจทย์ปัญหา การพิสูจน์ การให้เหตุผลและความมเหตุสมผล วิชาภาษาไทย คือ ข้อสอบที่มีการวิเคราะห์บทประพันธ์ การอ่านตีความ แปลความ ถอดความและสรุปความ หลักภาษา การประเมินคุณค่าและการคิดวิเคราะห์ทางภาษา ซึ่งเป็นข้อสอบที่วัดความคิดขั้นสูงทั้ง2วิชา


The purposes of this research were: 1) Detecting differential item functioning for Achievement Tests of Pattani Educational Area 2 using Logistic Regression and Mantel-Haenszel with reference to sex and language in daily life 2) To compare the number of the differential item function using Logistic Regression and Mantel-Haenszel in relation to sex and language in daily life 3) Analysis the correlation of the test differential results of the two methods in relation to sex and language in daily life. 4) To study the characteristics of Mathematics and Thai tests that served different functioning. The sample included 1,846 students studying 2 in Mattayomsuksa 2 at school from Pattani Educational area 2. Mantel-Haenszel and Logistic Regression were used to analysis the differential item function according to students? sex and language in daily life. Phi correlation and Chi-Square test were also employed.
The findings were as follows:
1. The number of the differential item functioning of the 2 tests, Mathematic and Thai were found as follows:
1.1 The differential item functioning of 39 Mathematics test items according to sex by using Logistic Regression showed that there was 17 items (43.59 %) and 18 items (46.15 %) when Mantel-Haenszel was used. According to language in daily life, the result revealed 14 items (35.90 %) when Logistic Regression was used and 11 items (33.33 %) when Mantel-Haenszel was used.
1.2 The differential item functioning of 39 Thai test items according to sex by using Logistic Regression showed that there was 20 items (51.28 %) and 18 items (46.15 %) when Mantel-Haenszel was used. According to language used in daily life, the result revealed 8 items
(20.51 %) when Logistic Regression was used and 14 items (35.90 %) when Mantel-Haenszel was used
2. Logistic regression and Mentel-haenszel procedure with regard to sex and language in daily life, approach were significantly different at 0.01level. Mentel-Haenszel, the number of the test which served different function was found more than in Logistic Regression
3. Both Logistic Regression and Mantel-Haenszel Procedure were significantly relate at the 0.05 level with the correlation coefficients on sex and language in daily life.
4. The characteristics of the test which performed different functioning, Mathematics tests were a test with a high level of computation skill, Mathematics problems, proof, justification and appropriateness and computation skill. As for Thai, the tests were about analysis of the poem, interpretive reading, translation, summary and paraphrase of the text and knowledge and understanding of grammar, the value of language and analytical thinking in language. Most of the items performing different functioning in both subjects measured higher thinking skills.
     ผู้ทำ/Author
Nameอมลณัฐ อุบลรัตน์
Organization มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
     เนื้อหา/Content
วิทยานิพนธ์
     กลุ่มหัวเรื่อง: ด้านการศึกษา
--การจัดการศึกษา
     Contributor:
Name: วิรัตน์ ธรรมาภรณ์
Roles: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
     Publisher:
Name:มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
Address:ปัตตานี (Pattani)
     Year: 2553
     Type: วิทยานิพนธ์/THESES
     Copyrights :
     Counter : 2209
     Counter Mobile: 106